ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

         บริษัท ไทยอินชัวรันส์ รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่านและตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น (ต่อไปจะเรียกว่า “ประกาศ”) เพื่อแจ้งให้ท่านรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ต่อไปจะเรียกว่า “พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ดังนี้

1. คำนิยาม

         “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และ ที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎ ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง

         “การประมวลผล” หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 

         “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

         “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการ เมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความ พิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

          ทั้งนี้ ต่อไปในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หากไม่มีการกล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียก “ข้อมูลส่วนบุคคล” และ “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” ที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการข้างต้นให้รวมกันเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”

         “บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่ยังไม่ถึงแก่กรรม

         “บริษัท” หมายถึง บริษัท ไทยอินชัวรันส์ รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

         “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นระบุไปถึง

    2. ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้มีผลบังคับใช้กับใคร

             ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับท่านในฐานะ

             2.1 ผู้ใช้บริการ ทั้งนามบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล

             2.2 บุคคลธรรมดาที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร พนักงาน ตัวแทน ผู้รับมอบอำนาจ เป็นต้น             โดยต่อไปในประกาศนี้จะเรียกว่า “ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”

    3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

             บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ตามประกาศ ดังนี้

    ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลรายละเอียด
    ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อ
    ข้อมูลการติดต่อที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์
    ข้อมูลการทำงานตำแหน่ง แผนก ฝ่าย/ส่วน สำนักงาน (สาขา)
    ข้อมูลทางการเงินเลขที่บัญชีธนาคาร เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือเลขที่หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองบริษัท (ที่ระบุรายชื่อกรรมการบริษัท) หรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น
    สำเนาเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
    ข้อมูลการเข้าใช้งานเช่น ข้อมูลคุกกี้ (Cookie) เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (IP Address) ล็อก (Log) วันที่และเวลาของการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หน้าเพจที่เข้าเยี่ยมชม เป็นต้น
    ข้อมูลอื่นๆการบันทึกภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ การถ่ายกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม

         ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทได้รับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เช่น เพื่อการพิสูจน์ตัวตนในการก่อนิติ สัมพันธ์ทางกฎหมาย และ/หรือการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท เป็นต้น บริษัทอาจได้รับข้อมูลศาสนา เชื้อชาติ กรุ๊ปเลือด ซึ่งปรากฏบนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน ทั้งนี้บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์และนโยบายในการเก็บ รวบรวมข้อมูลศาสนา ของท่าน และดำเนินการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวในรูปแบบอื่น ๆ          โปรดปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล  (ถ้ามี)  เช่น ข้อมูลศาสนา เชื้อชาติ กรุ๊ปเลือด  ในการติดต่อเพื่อขอข้อมูล/เอกสารต่างๆ ก่อนนำส่งมายังบริษัท

    4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

             บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งต่าง ๆ ดังนี้

             4.1 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง เช่น ลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซด์ การแก้ไขข้อมูลหน้าเว็บไซด์

             4.2 ผ่านการติดต่อสื่อสารกับบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล โทรศัพท์ เป็นต้น

             4.3 ข้อมูลที่ท่านให้โดยตรงกับบริษัท เป็นข้อมูลที่ท่านร่วมทำกิจกรรมกับบริษัท เช่น การอบรม สัมมนา หรือการจัดกิจกรรม เป็นต้น

    5.   วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย

             บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์และฐานกฎหมายในการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

    วัตถุประสงค์ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลฐานกฎหมาย
    เพื่อการจัดการด้านโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เช่น การจัดกิจกรรม การวิเคราะห์และ  พัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดการด้านสื่อโฆษณา(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน  (1) การปฏิบัติตามสัญญา (2) ประโยชน์โดยชอบด้วย กฎหมาย (3) ความยินยอมโดยชัดแจ้ง
    เพื่อให้ข้อมูลและแนะนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ การบริการ หรือ ประชาสัมพันธ์(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน(1) ประโยชน์โดยชอบด้วย กฎหมาย
    เพื่อประเมิน เข้าทำสัญญา และปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่มีกับ ท่าน เช่น การออกใบสั่งซื้อ ใบเสร็จรับเงิน(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (2) ข้อมูลการติดต่อ (3) ข้อมูลทางการเงิน (4) สำเนาเอกสาร(1) การปฏิบัติตามสัญญา (2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ (1) การบันทึกบัญชี (2) การจัดการด้านภาษี(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (2) ข้อมูลการติดต่อ (3) ข้อมูลทางการเงิน (4) สำเนาเอกสารการปฏิบัติตามกฎหมาย
    เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน ดังนี้ (1) เก็บสถิติการใช้งาน (2) เพื่อการตลาด และประชาสัมพันธ์ ในกรณีมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสิทธิประโยชน์ของท่าน(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (2) ข้อมูลการทำงาน (3) ข้อมูลคุณสมบัติ  (1) การปฏิบัติตามสัญญา (2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย   (3) ความยินยอมโดยชัดแจ้ง (4) การปฏิบัติตามกฎหมาย อื่นๆ
    เพื่อยืนยันตัวตนในการรับบริการ และตรวจสอบความถูกต้องของระบบ(1) ข้อมูลการติดต่อ (2) ข้อมูลการเข้าใช้งาน(1) การปฏิบัติตามสัญญา (2) การปฏิบัติตามกฎหมาย อื่นๆ
    เพื่อการจัดทำสัญญากับบริษัท และปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่มีกับท่าน ซึ่งรวมถึงการประสานงานในการเรียกชำระเงินหรือการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การโอนเงิน หรือการสั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (2) ข้อมูลการติดต่อ (3) ข้อมูลการทำงาน (4) สำนาเอกสาร (5) ข้อมูลทางการเงินการปฏิบัติตามสัญญา  
    เพื่อจัดทำ และรายงานเอกสารต่าง ๆ ให้ผู้ถือหุ้นและหน่วยงานรัฐตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การบันทึกบัญชี และจัดทำงบการเงินของบริษัท(1) ข้อมูลส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (2) ข้อมูลการติดต่อ  ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย  

             ทั้งนี้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท บริษัทไม่อาจดำเนินการตามที่ท่านร้องขอหรือตามสัญญาได้ และท่านอาจไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญา และอาจได้รับความเสียหาย หรือเสียโอกาส ในบางกรณี การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ บริษัทหรือท่านมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง

    6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

             เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัทและบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้

             6.1 ภายในบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยหรือนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือ ทีมงานเหล่านี้ของบริษัทจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความจำเป็นและเหมาะสม

             6.2 ภายนอกบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยหรือนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลและ/หรือ องค์กรภายนอก ดังนี้

                      6.2.1 บริษัทสมาชิก

                      6.2.2 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคาร

                      6.2.3 ผู้ให้บริการ ได้แก่ ผู้ให้บริการรถส่งเอกสารหรือพัสดุ

                      6.2.4 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร

                      6.2.5 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ผู้ติดต่อ ผู้ประสานงาน เป็นต้น

    7. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

             บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ โดยระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษา ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่ยุติความสัมพันธ์ หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท เว้นแต่ กฎหมายกำหนดให้เก็บนานกว่าระยะเวลาดังกล่าว

             หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะที่เป็นผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้า ผู้ประสานงาน ผู้แทน กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้าหรือผู้เป็นคู่ค้าของบริษัทและอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่ จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท           เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

    8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

             บริษัทต้องส่งข้อมูลให้นิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์กับบริษัทหรือส่งข้อมูลไปจัดเก็บที่ cloud server ในต่างประเทศเพื่อการให้บริการแก่ท่านในกรณีนี้บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ หรือผู้รับข้อมูลของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดและมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    9. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

             บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

    10. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

    ท่านมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคคลตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ ดังต่อไปนี้

             10.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอมได้ โดยสิทธินี้จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ถ้าไม่ขัดหรือส่งผลกระทบดังกล่าว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับสิทธิภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัท ได้รับคำขอ  

             10.2 สิทธิในการให้ส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณี ที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้ บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วย วิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง หากไม่ติดขัดทางวิธีการและเทคนิค โดยการใช้สิทธินั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย สัญญา หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น

             10.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือขัดต่อสิทธิการเรียกร้องตามกฎหมาย หรือข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สถิติ

             10.4 สิทธิในการขอลบ หรือทำลาย ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ตามกรณีที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ หรือข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นต้น

             10.5 สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนชั่วคราวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด เช่น อยู่ในระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิแก้ไข หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลดังกล่าวเมื่อหมดความจำเป็น เป็นต้น

             10.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

              10.7 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

             10.8 สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทไม่ชอบด้วยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

             ท่านสามารถร้องขอใช้สิทธิตามกฎหมายได้ โดยกรอกรายละเอียดใบแบบฟอร์มคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่ช่องทางการติดต่อตามข้อ 12 การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่ เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้น ของท่านได้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

    11. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

             บริษัทจะทำการพิจารณาทบทวนประกาศนี้เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ประกาศความเป็นส่วนตัวที่สำคัญใดๆ พร้อมกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุง ผ่านช่องทาง ที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นระยะ ๆ

    12. ช่องทางการติดต่อ

             หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อบริษัทและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดด้านล่าง

    บริษัท ไทยอินชัวรันส์ รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

    ที่อยู่: 25 ชั้น 6 ซอยสุขุมวิท 64/1 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กทม. 10260

    ช่องทางการติดต่อ 02-108-8388

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

    อีเมล : dpo@tird.insure