
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “พรบ. รถยนต์” เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยกำหนดให้เจ้าของรถทุกคันต้องทำประกันภัยภาคบังคับ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและชดเชยความเสียหายให้กับผู้ประสบภัย
วัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. รถยนต์
กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อ:
- ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย – ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
- สร้างระบบประกันภัยภาคบังคับ – เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว
- ส่งเสริมความรับผิดชอบของเจ้าของรถ – ลดปัญหาการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเมื่เกิดอุบัติเหตุ
ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. รถยนต์
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จะได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด โดยแบ่งเป็น:
- ค่ารักษาพยาบาล – คุ้มครองสูงสุด 80,000 บาทต่อคน
- ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร – 500,000 บาทต่อคน
- ค่าชดเชยการสูญเสียอวัยวะ – ตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาท ตามประเภทของอวัยวะที่สูญเสีย
- ค่าปลงศพ – 35,000 บาท
- เงินชดเชยรายวันกรณีนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล – วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำ พ.ร.บ. รถยนต์
- เจ้าของรถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. ก่อนต่อทะเบียนรถ
- หากไม่มี พ.ร.บ. อาจถูกปรับสูงสุด 10,000 บาท
- กรมธรรม์ พ.ร.บ. มีอายุ 1 ปี และต้องต่ออายุเป็นประจำ
ประโยชน์ของ พ.ร.บ. รถยนต์
- ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ประสบภัย – ทำให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที
- เป็นหลักประกันทางสังคม – ทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุจะได้รับการคุ้มครองโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิด
- เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน – ส่งเสริมให้เจ้าของรถและผู้ขับขี่มีความรับผิดชอบมากขึ้น
สรุป
พรบ. รถยนต์ ปี 2535 เป็นกฎหมายที่มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การทำประกันภาคบังคับนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้บาดเจ็บหรือครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ระบบการจราจรมีความปลอดภัยและเป็นธรรมมากขึ้น การปฏิบัติตามกฎหมายนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องให้ความใส่ใจ