ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2567

ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2567

    ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 286,557 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 0.57% จากปีก่อนหน้า แม้จะเป็นการเติบโตเพียงเล็กน้อย แต่สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของการประกันภัยทรัพย์สิน สุขภาพ และการเดินทาง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

รูป 1 แสดงเบี้ยประกันภัยแต่ละประเภทและอัตราการเติบโต

    เบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังคงเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในตลาด โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในปีนี้คือการเริ่มใช้ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจำนวน 140,735 ล้านบาท (ลดลง 0.23%) เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) มีจำนวน 20,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%

     เบี้ยประกันอัคคีภัยเติบโตอย่างโดดเด่น มีจำนวน 10,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% สะท้อนถึงการตระหนักรู้ของประชาชนถึงความสำคัญของการประกันภัยและความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและลมพายุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงปี 2566-2567 แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง

รูป 2 แสดง เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงประกันภัยอัคคีภัย

รูป 3 แสดง จานวนหน่วยโอนกรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ

รูป 4 แสดงเบี้ยประกันภัยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง

    เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่งมีจำนวน 6,837 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.14% ถึงแม้ว่ามูลค่าการส่งออกจะเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการเร่งส่งออกก่อนนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 5.9%

รูป 5 แสดงเบี้ยประกันภัยประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ

     ประกันภัยสุขภาพมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 16,217 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.4%) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่นาไปสู่โรคประจำฤดูกาล ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงปัจจัยค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ในส่วนของประกันภัยอุบัติเหตุมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 29,760 ล้านบาท (ลดลง 5.7%) และประกันภัยเดินทางมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 2,739 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.9%) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากถูกกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์เรื่องความปลอดภัย หรือจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป

   ประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 59,192 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%) ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการประกันภัยทรัพย์สิน การประกันภัยวิศวกรรม และการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย

    ในส่วนของอัตราค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ยที่ถือเป็นรายได้ของธุรกิจประกันวินาศภัย (Loss Ratio) ของการประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ ของปี 2567 นั้น พบว่า อัตราความเสียหายโดยรวมของการประกันภัยทุกประเภทนั้นเท่ากับ 57.13% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 (1.63%) ซึ่งมาจากอัตราส่วนความเสียหายของการประกันสุขภาพเท่ากับ 65.42% อัตราส่วนความเสียหายของการประกันอุบัติเหตุการเดินทางเท่ากับ 32.30% และอัตราความเสียหายของการประกันภัยเบ็ดเตล็ดเท่ากับ 39.36% ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้อัตราความเสียหายของการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเท่ากับ 59.85% อัตราความเสียหายของการประกันอัคคีภัยเท่ากับ 20.97% อัตราความเสียหายของการประกันภัยทางทะเลและขนส่งเท่ากับ 29.84% อัตราส่วนความเสียหายของการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเท่ากับ 48.61% ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รูป 6 แสดงอัตราส่วนค่าสินไหมของประกันภัยประเภทต่างๆ

รูป 7 แสดงผลการดา เนินงาน

   ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิจำนวน 206,794.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี 2566 ลดลงร้อยละ 0.50 โดยเป็นเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้จำนวน 204,690 ล้านบาท โดยในส่วนค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและค่าใช้จ่ายในการดำนินงาน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จึงทำให้กำไรจากการรับประกันภัย 11,996 ล้านบาท ลดลง 14.7% จากปีที่ผ่านมา

Market News

  1. 1 มกราคม 2567 เริ่มต้นมีผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับแรกในไทย (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกคำสั่งนายทะเบียน ฉบับที่ 47/2566 เรื่อง ให้ใช้แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า) ซึ่งน่าจะช่วยให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตความคุ้มครองและโครงสร้างราคาเบี้ยประกัน อันเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทย โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากแบตเตอรี่ ค่าซ่อม และรถหายจากการถูกแฮ็กระบบปฏิบัติการ ฯลฯ ทั้งนี้ ได้ให้เวลาบริษัทประกันดำเนินการออกกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าตามเกณฑ์ใหม่นี้ ภายใน 31 พฤษภาคม 2567
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดตัวแอปพลิเคชัน “OIC Protect” ใช้งานตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยในทุกมิติ ครอบคลุมครบทุกกระบวนการ และเป็นช่องทางในการเข้าถึงระบบจัดการเรื่องร้องเรียน การไกล่เกลี่ยออนไลน์ การติดตามเรื่องร้องเรียน การนัดหมาย และการแจ้งผลการดำเนินการ พร้อมทั้งการบริการแจ้งข้อมูลข่าวสาร โดยประชาชน ผู้ไกล่เกลี่ย และอนุญาโตตุลาการสามารถเข้าใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
  3. ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัทประกันภัยจำนวน 71 แห่ง ได้นำทรัพย์สินลงทุนของบริษัทประเภทพันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรของรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง ตราสารหนี้อื่นที่ออกโดยกระทรวงการคลัง หุ้นกู้รัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้บริษัทจำกัด หุ้น ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน และเงินฝากประจำ มาวางเป็นหลักทรัพย์ประกันและเงินสำรองประกันภัยไว้กับสำนักงาน คปภ. รวมจำนวนทั้งสิ้น 849,280.98 ล้านบาท
  4. สำนักงาน คปภ. เห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. รูปแบบใหม่ “ไม่มีแถบโฮโลแกรม” ตรวจสอบความคุ้มครองหลังซื้อได้ทันที (Realtime) พร้อมเชิญชวนทำประกันภัย พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์ ระยะยาว 3 ถึง 5 ปี ลดเบี้ยประกันภัยและลดปัญหาประกันภัย พ.ร.บ. ขาดต่ออายุ
  5. สำนักงาน คปภ. – ภาคธุรกิจประกันภัย เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย (TFRS 17) กำหนดกิจกรรมให้บริษัทประกันภัยทดลองนำส่งงบการเงิน และรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและกิจการแบบคู่ขนาน (Parallel run) ภายในเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อเป็นการซักซ้อมและเตรียมความพร้อมให้บริษัทประกันภัย ก่อนที่ TFRS 17 จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2568 รวมทั้งกำหนดกิจกรรมการตรวจสอบกระบวนการจัดทำงบการเงินคู่ขนาน ภายในเดือนพฤศจิกายน 2567
  6. คปภ. จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม ระบบการให้บริการการออกใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย และผู้ประเมินวินาศภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Licensing) แบบครบวงจร
  7. สำนักงาน คปภ. เปิดช่องทางใหม่ Insure Mall ผ่าน www.insuremallthailand.com “ครบทุกเรื่องประกันภัย จบทุกความต้องการ” เพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้กับประชาชนในรูปแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
  8. โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเป้าหมายของพื้นที่รับประกันภัยทั้งหมดประมาณ 21 ล้านไร่ ซึ่งภาครัฐให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยจำนวนทั้งสิ้น 2,302.16 ล้านบาท

สรุป

     ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการปรับตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการบริหารความเสี่ยง โดยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่นคงในหลายหมวด แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ

อ้างอิง
• สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
• SCBEIC