ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่ออุตสาหกรรมประกันวินาศภัย
ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ทำให้เกิดโรคเรื้อรังและโรคเฉียบพลันต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันวินาศภัยมากขึ้น ดังนั้น การทำความเข้าใจผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่ออุตสาหกรรมประกันวินาศภัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้บริษัทประกันวินาศภัยสามารถปรับตัวและวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
PM2.5 คือ ชื่อของฝุ่นชนิดหนึ่ง คำว่า PM2.5 ย่อมาจาก Particulate Matter เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอน ซึ่งฝุ่นจิ๋วนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กเทียบเท่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม และจะกระจายอยู่ในอากาศได้นานกว่าฝุ่นละอองขนาดใหญ่ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นระยะเวลานานและไกลถึง 1,000 กิโลเมตร
ฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กมากที่ขนจมูกของเราไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กนั้นได้ จนสามารถสูดเข้าไปโดยผ่านทางเดินหายใจส่วนต้นจนไปยังทางเดินหายใจส่วนปลาย เมื่อเข้าถึงถุงลมแล้วมีโอกาสทะลุเข้าถึงกระแสโลหิต และจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหากับอวัยวะภายในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติได้ระบุว่า มลพิษทางอากาศ และฝุ่นละออง PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ รวมถึงเกิดโรคทางเดินหายใจ เพราะไม่ใช่แค่เพียงฝุ่น PM2.5 คือสิ่งเดียวที่เข้ามาสู่ร่างกายของเราเท่านั้น แต่ฝุ่นเองก็ยังเป็นพาหะที่นำสารเคมีอันตราย และโลหะหนักที่อยู่ในฝุ่นเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
เมื่อรู้จักว่า PM2.5 คืออะไรแล้วก็ต้องคุ้นเคยกับคำว่า AQI โดย AQI นั้นย่อมาจาก Air Quality Index หรือดัชนีคุณภาพอากาศ คือ การรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลตามแต่ละพื้นที่ที่ตนเองอยู่แบบเรียลไทม์ ระบุภาพรวมของคุณภาพอากาศในบริเวณนั้น ๆ เป็นอย่างไร อยู่ในระดับใด เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่
ซึ่งทาง กรมควบคุมมลพิษ (2562) ได้อธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า ดัชนีคุณภาพอากาศ 1 ค่า ใช้เป็นตัวแทนค่าความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) โอโซน (O3) คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

ภาพจาก กรมควบคุมมลพิษ
ฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มความน่าจะเป็นในการเกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นโรคที่ครอบคลุมอยู่ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ส่งผลให้บริษัทประกันวินาศภัยต้องรับภาระค่าสินไหมทดแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากประชาชนมีความตระหนักถึงภัยคุกคามจากฝุ่น PM2.5 มากขึ้น ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น บริษัทประกันวินาศภัยจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งปอด โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคปอด กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง หรือประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง

ภาพแสดงจานวนครั้งในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

ภาพแสดงความรุนแรงต่อครั้งในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ผลกระทบเชิงมหภาค ปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เช่น การลดลงของผลิตภาพแรงงาน การท่องเที่ยว และการลงทุน ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน PM2.5 ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทั้งในมิติของการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในมิติของการดูแลป้องกันสุขภาพ เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งแม้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ แต่ก็ถือเป็นค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่สามารถนำเงินนี้ไปใช้จ่ายเพื่อการอื่น ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัยของผู้เอาประกันภัย
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ องค์การอนามัยโลกพบว่าจำนวนวันที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน สำหรับประเทศไทยมะเร็งปอดพบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 17,222 คน เฉลี่ยวันละ 48 คน เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 40 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาดังกล่าวและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 สธ. เผยล่าสุดมี 15 จังหวัดค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในระดับสีแดง ผู้ป่วยจากฝุ่นตั้งแต่ ม.ค. 67 ราว 5 แสนราย กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบสูงสุด รองลงมา ตาอักเสบ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และโรคหัวใจขาดเลือด
โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2567 ระบุว่าผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,048,015 ราย แยกเป็น 6 โรค ดังนี้

- โรคผิวหนังอักเสบ 442,073 ราย
- โรคตาอักเสบ 357,104 ราย
- ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 226,423 ราย
- โรคหืด 18,336 ราย
- หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 4,051 ราย
- การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ 28 ราย
การรับมือของบริษัทประกันวินาศภัยกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5
บริษัทประกันวินาศภัยควรดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า บริษัทประกันวินาศภัยควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศ เช่น ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 หรือที่ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอด ปรับปรุงระบบการคำนวณเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากฝุ่น PM2.5 จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5 และวิธีการรับมือกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องแก่พนักงานทุกระดับ บริษัทประกันวินาศภัยควรเข้าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- กรมควบคุมมลพิษ
- องค์การอนามัยโลก
- กระทรวงสาธารณสุข
- สมาคมประกันวินาศภัยไทย
- โรงพยาบาลสมิติเวช